ณ ถนนเส้นหลักของนิมมานเหมินทร์ หากสังเกตดีๆ จะเห็นกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมสีดำขนาดกระทัดรัดพลางตัวอยู่ เมื่อจอดรถแล้วเข้าไปดูใกล้ ๆ จะพบว่านี่คือร้านกาแฟ + อาหารเช้าง่าย ๆ ที่มีลักษณะเท่ห์ ดีไซน์โมเดิร์นเก๋ร่วมสมัย ด้วยส่วนประกอบของเหล็ก ไม้และกระจก ผสมผสานการอย่างลงตัว กล่องดำกรุกระจกใบนี้มีชื่อว่า Dolcetto Café ออกเสียงว่า โดลเชโต้ ภายในร้านแบ่งที่นั่งออกเป็น 2 โซนคือโซนนอกร้าน เหมาะกับการสนทนาสนุกสนานกับแก๊งค์เพื่อน (เพราะมีทั้งชายหนุ่มหน้าตี และหญิงสาวน่าตาพอใช้ เดินผ่านหน้าอยู่ตลอดเวลา ^.^) ส่วนอีกโซนเป็นโซนแอร์เย็นเฉียบ แอร์ตัวใหญ่โตในห้องสี่เหลี่ยมขนาดกระทัดรัด (จินตนาถึงความเย็นฉ่ำ) ร้าน Dolcetto เน้นการตกแต่งด้วยสีโทนดำเทา และโดดเด่นที่เคาน์เตอร์ความกว้างเท่ากับขนาดห้องพอดี มุมนี้เป็นทั้งพื้นที่ให้คำแนะนำเรื่องเครื่องดื่มร้อนเย็นรสกลมกล่อม และทำอาหารเช้า อาหารว่าง ขนมสุกใหม่ในมุมเล็ก ๆ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของกาแฟ+เบเกอรี่แบบโฮมเมด

More

มื้อเช้า รองท้องกันแบบไม่เบานัก ^.^ ขอชวนมาชิมข้าวมันไก่ไหหลำข้างสถานีรถไฟ ซึ่งเดินทางมาไม่ยากเลยค่ะหากมาจากทางในเมืองมุ่งหน้าสู่สถานทีรถไฟ ร้านนี้จะอยู่ด้านขวามือ เมื่อเลี้ยวเข้าสู่ถนนข้างสถานีรถไฟสังเกตุเต้นท์ผ้าใบสีส้มที่อยู่เยื้องกับไฟสัญญาณจราจรเพียงเล็กน้อย วันนี้แอบมาชิมตามคำแนะนำที่พบเจอในหลาย ๆ เวบ ว่าข้าวมันไก่ไหหลำที่นี่อร่อย ประหยัด และได้เยอะ ซึ่งน่าจะจริงดั่งคำร่ำลือเพราะมีลูกค้ามานั่งรอทานและสั่งซื้อกลับบ้านกันแน่นร้าน ยุคที่ข้าวของทั้งอุปโภคและบริโภคไต่ราคาสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่รายรับยังคงเท่าเดิมการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังจึงเป็นสิ่งที่พ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่อย่างเราควรคำนึงกันนะคะ ^.^

ความทึ่งในร้านข้าวมันไก่สถานีรถไฟ นอกจากหลักฐานที่บ่งบอกถึงอายุการใช้งานของเครื่องมือเครื่องใช้แต่ละชิ้นแล้ว ป้ายเมนูพร้อมราคาเป็นสิ่งที่สร้างความสนใจให้เราได้เป็นอย่างดี ข้าวมันไก่จานธรรมดาราคา 25 บาท ถ้าไม่ใช่ที่โรงอาหารในสถาบันการศึกษาก็เริ่มจะหาทานในราคาเท่านี้ได้น้อยเต็มที

More

นาฬิกาบอกเวลา 12.00น. เรายืนงงๆ อยู่หน้าคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในช่วงพักกลางวันอันวุ่นวายของวันทำงานพบคนทำงานแต่คนเร่งรีบ เพราะมีเวลาที่จำกัดจึงต้องเร่งหาของกินให้อิ่มท้องแล้วรีบกลับไปทำงานของตัวเองต่อ จึงไม่แปลกที่จะมีร้านอาหารหลายร้านเสนอตัวขึ้นมาเป็นทางเลือกในช่วงเวลาพักกลางวัน จนเลือกไม่ถูกว่าจะเดินเข้าร้านไหนเพราะไม่ได้กินประจำ (ในโซนนี้) ตามความเชื่อที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น การเลือกเดินเข้าร้านที่คนแน่นที่สุดน่าจะเป็นแนวคิดที่ดี (หรือเปล่า?) ^.^ มื้อเที่ยงตรง ที่เห็นคนเดินเข้าไปอุดหนุนมากหน่อย คงเป็นร้าน เย็นตาโฟศรีพิงค์ ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างธนาคารกรุงไทย และกรุงเทพ(สาขาถนนสุเทพ) “เย็นตาโฟศรีพิงค์” มีชื่อเสียงเก่าแก่เพราะเปิดมานานแล้ว แต่เรามีโอกาสได้ชิมนับครั้งได้ รสชาติจึงไม่เคยติดค้างอยู่ในหัว วันนี้มีโอกาสคงต้องชิมเพื่อย้ำเตือนความทรงจำอีกสักที ^.^

“เย็นตาโฟศรีพิงค์”  นอกจากชื่อเสียงที่มีอย่างยาวนานในเรื่องรสชาติที่ว่าจัดจ้าน รสชาติดีแล้ว ทำเลที่ตั้งน่าจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าแวะเวียนมาชิมได้อย่างสะดวกสบาย ตัวร้านหาได้ไม่ยากเพราะตั้งเกือบเด่นอยู่บนถนนสุเทพฝั่งตรงข้ามคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่จอดรถถ้าเป็นมอเตอร์ไซด์จอดได้สบายแถวหน้าร้านส่วนรถยนต์ก็ต้องเล็งที่จอดมาแต่ไกลหน่อยค่ะ ^^. ต้องอาศัยจังหวะ More

บ่อยครั้ง ที่พ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่เกิดขึ้นมา เพราะ “ความชอบ”  ห้องน้ำชาห้องที่เรากำลังนั่งอยู่นี้ก็เช่นกัน Princess Tearoom  ที่บอกเล่าเรื่องราวความชื่นชอบ หลงไหลในกลิ่นหอม และรสชาติของใบชา ผ่านร้านน้ำชาแสนหวาน ในบรรยากาศร้านสไตล์ตะวันตกละมุนละไมที่โดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์วิเทจควบรวมกับ Shabby chic  โดยเพิ่มความสว่างให้ห้องดูกว้างด้วยการใช้โทนสีพาลเทล เน้นความอ่อนหวานของสีเขียว ขาว ชมพู ทำให้เรียบง่ายนุ่มนวลสบายตา  โดยเพิ่มความสว่างให้ห้องด้วยการทาสีพาลเทลขาว เขียว กรุด้วยผ้าม่านลูกไม้ขาวลายอ่อนโยน ผสานกับเฟอร์นิเจอร์ที่ดูมีอายุ เป็นเครื่องเรือนสไตล์แอนทีคในยุค 80 ที่นำเอาความย้อนยุคกลับมาร่วมสมัยใหม่อีกครั้งหนึ่งโดยจะเล่นสีสันกับผนังด้วยการเพ้นต์ลายภาพน้ำชาน่ารักๆ รวมไปถึงของประดับตกแต่งเก๋ ๆ ทั่วร้าน อย่าง แจกันดอกไม้สวยๆ ตุ๊กตาหมีตัวอวบในมุมต่าง ๆ เพื่อเติมแต่งทุกมุมตามอารมณ์ผู้หญิงสวยหวาน ^^.

ความน่าสนใจของ Princess Tearoom ไม่ได้มีเพียงชากลิ่นหอมละมุนเท่านั้น ที่ร้านยังมีอาหารและเบเกอรี่โฮมเมด ซึ่งเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ที่คัดสรรมาปรุงอย่างตั้งใจซึ่งมีทั้งอาหารที่เน้นหนักเรื่องรสจัดจ้าน(โดยต้องแจ้งระดับความแซ่บก่อนสั่งกันทีเดียว) และเบเกอรี่รสละมุนกลมกล่อมสูตรพิเศษของทางร้าน ^^ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราว ของ Princess Tearoom ผ่านเวลาน้ำชาอันแสนหวาน โดยร้านเปิดทำการ 12 ชั่วโมงเต็มตั้ง 8:00โมงเช้า -8:00โมงเย็น หากต้องการสำรองที่นั่ง หรือสอบถามเส้นทางได้ที่ 053-215861. 34 ค่ะ ปิดทุกวันอังคาร

More

ใครจะคิด ว่าร้านที่อยู่ใต้กำแพงหินแข็งแกร่งจะมีมุมละไมซ่อนอยู่ภายใน ^.^ The Barn Eatery Design ออกแบบสถาปัตกรรมภายนอกดูน่าเกรงขาม ในรูปแบบของโรงเก็บของสีขรึม สไตล์สแกนดิเนเวียน ที่ดึงดูดให้นักดื่ม (กาแฟ) เดินเข้ามาชิมและชิลอยู่ตลอดทั้งวัน นอกจากทำเลที่ของตัวร้านอยู่ไม่ไกลจากแหล่งสุดฮิปอย่างย่านนิมมานแล้ว เดอะบานยังเปิดให้บริการยาว ตั้งแต่ 10.00 -01.00 น. เลยทีเดียว มนต์เสน่ห์ของเดอะบาน คงเป็นความเรียบง่ายที่หล่อหลอมเอาไลฟ์สไตล์ของความเป็นเชียงใหม่ ที่นิยมหันมาดื่มกาแฟสดอย่างในยุคปัจจุบันนี้ได้อย่างลงตัว ผ่านมุมมองของการตกแต่งด้วยการเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ จำพวกไม้โทนสีอ่อนที่ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นเป็นกันเอง แล้วแต่งแต้มชีวิตชีวาด้วยเฟอร์นิเจอร์โมเดิร์นสีพาสเทลสลับกับของตกแต่งสีสดใส ช่วยให้บรรยากาศดูอ่อนหวาน สบายตา โดยเฉพาะวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ”แสง” สามารถสาดส่องเข้ามาอย่างทั่วถึงจนแทบอยากควักเอาแว่นแดดมาสวมเมื่อต้องประสานสายตากับแสงจ้าเลยทีเดียว ^.^ The Barn ช่างเหมาะแก่การนั่งทำงานและอ่านหนังสือจริง ๆ

The Barn + Eatery Design  อยู่ในซอยศรีวิชัยซอยอยู่ตรงกันข้ามกับร้านขายยาเภสัชชุมชน (คณะเภสัช) ขับตรงเข้าตามกำแพงวัดสวนดอกจนสุดซอยร้านจะอยู่กึ่งกลางทางสามแยก( รึที่เรียกว่าทางสามแพร่ง) สุดกำแพงวัดสวนดอก (พระอารามหลวง) พอดิบพอดี แต่ที่จอดรถสะดวกค่ะ ถ้าเป็นรถจักรยาน และจักรยานยนต์ จอดหน้าร้าน(แบบไม่ขวางบันได)ได้เลย ส่วนรถยนต์มีลานจอดรถอยู่ข้างตัวร้านค่ะ
More

หากสัปดาห์หนึ่งมี 8 วัน เราจะใช้วันกำเนิดใหม่อีก 1 วันนี้ทำอะไรดี? เพียงก้าวแรกที่เดินเข้ามาในร้านรู้สึกเลยว่าร้าน 8 Days a week ต้องการจะสื่อความหมายว่า “แปดวันต่อสัปดาห์ที่เราจะรัก” “แปดวันต่อสัปดาห์นั้นไม่เพียงพอ” หรือเปล่า? ถ้าตีความหมายแบบนี้เราว่าช่างเหมาะสมกับ 8 Days a week ร้านกาแฟภายใต้เงาฉำฉาต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาเขียวขจีที่ปล่อยออกซิเจนปกคุมบ้านไว้เกือบทั้งหลัง โดยตัวร้านตกแต่งในบรรยากาศ Loftstyle คือโชว์ความดิบเปลือยของเสา ผนัง เพดาน สวยเท่ห์จนแทบจะไม่ต้องตกแต่งอะไรมากมาย ^.^ สีโทนหลักของ 8 Days a week คือ เทา ขาว และดำ เสริมแซมความน่ารักบนโต๊ะด้วยต้นกระบองเพชรนานาพันธุ์ ที่จะเรียกรอยยิ้มของผู้มาเยือนด้วยความน่ารักมีเสน่ห์ของไม้อวบน้ำไม้หนามแห่งทะเลทราย ^.^ กระจกบานใหญ่เปิดต้อนรับเอาแสงอาทิตย์แสนอบอุ่นเข้ามาตลอดวัน แล้วยังแอบแฝงความโรแมนติกด้วยแสงไฟ warm light ดวงน้อยสีเหลืองนวลที่เปิดเพิ่มความโรแมนติกอีกด้วยค่ะ

More

ครอบครัว Johoney น่ารัก ^.^ ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัว นับตั้งแต่เริ่มมองไอศครีมสีสวยพร้อมป้ายชื่อแปลกหู อ่านตั้งแต่ถาดแรกไล่ไปจนถาดสุดท้ายแล้วก็วกกลับมาอ่านใหม่เพราะคาดคะเนรสชาติไม่ออกว่าต่างจากชื่อที่ตั้งไว้หรือเปล่า? มองทะลุไปหลังตู้ไอศครีมสีสวยที่ไร้เงาของผู้ควบคุมตู้ “คนตัก”คงจะชุลมุนวุ่นวายอยู่หลังร้านจนเป็นปกติ เพราะเห็นมีเจ้ากระดิ่งกรุ้งกริ้งระบุข้อความให้ลูกค้ากดกระดิ่งเพื่อตามหาตัว”คนตัก” นิ่งคิดอยู่อึดใจก็กางนิ้วอ้วนๆ เตรียมเคาะกระดิ่ง เจ้าของตู้ก็แหวกม่านมายืนประจำหลังตู้พร้อมส่งรอยยิ้มแจ่มใสยิงคำถามต่อเนื่องว่า “รับอะไรดีค่ะ?” เอ่อ! ยังไม่รู้จะรับอะไรดี ขออนุญาติชิมก่อนได้ไหมค่ะ? …. หลังจากการขอชิมแทบครบทุกรส ^^” จึงเลือกมาได้ถึง….  4 รส

ว่ากันว่าคนเราเมื่อมีความสุขกับสิ่งที่ทำ มักจะสื่อสารออกมาจากสิ่งนั้น แววตาเจ้าของตู้เป็นประกายเมื่ออธิบายถึงที่มาของไอศครีมsorbetแต่ละคำที่เราขอชิม เริ่มต้นที่ฝรั่งพริกเกลือ มะม่วง มะพร้าว ยาคูลท์ แอพริคอต มะยมพริกเกลือ ฯลฯ แล้วรอคำตอบว่ารสชาติเป็นอย่างไร ชอบไหม?  และจะสิ้นสุดการขอชิมเมื่อไหร่? หากสั่งทีละก้อนน่าจะราคาสกู๊ปละ 30 บาท แต่ว่าอยากสั่งเป็นชุดเลยต้องชิมความเข้ากันกับตัวขนม(นาน)หน่อยค่ะ ^.^ Johoney ร้านไอศครีมโฮมเมด ใช้สีเหลืองเลมอนฉาบภายนอกแล้วแอบซ่อนตัวเงียบๆ อยู่บนถนนสันป่าข่อย อำเภอเมือง เชียงใหม่ ซอยเดียวกับร้านเค้กคึกคัก Love at First Bite  ร้าน Ice Cream Home Made ขนาด 1 คูหา ตัวร้านหาไม่ยากแต่ท้าทายสักหน่อยกับการหาที่จอด เพราะต้องอาศัยจังหวะค่ะ ร้าน Johoney เปิดทำการทุกวันตั้งแต่ 10.00 – 20.00น. More

เมื่อเพื่อนสาวรุ่น (ไหน?) นัดรวมแก๊งค์ที่ร้านชื่อ “Bear Hug” ภาพที่หลุดเข้ามาภวังค์หลังจากได้ยินชื่อ “Bear Hug” คือภาพที่ Brock Lesnar นักมวยปล้ำหนอกโตรูปร่างล่ำสันคล้ายวัวพันธุ์เนื้อที่เพิ่งคว้าแชมป์ WWE มาได้ไม่นาน ใช้ท่านี้กอดรัด ป๋าฮัลค์ โฮแกน ด้วยการโอบกอดด้านหลังและใช้ข้อมือรัดกระดูกสันหลัง Hulk Hogan นักมวยปล้ำรุ่นเก๋าในตำนานสลบแน่นิ่งไปคาเวที แม้ท่า F-5 อันทรงพลังจะเป็นไม้ตายของ บร็อก เลสเนอร์ แต่เรากลับจำภาพนี้ได้ติดตา T.T สงสารป๋าฮ๊องในวัย 60 ไม่น่าเลยค่ะ

ก่อนที่จะเพ้อไปอีกมากมาย เพื่อนที่ชวนให้ไปกินขนมที่ร้าน “Bear Hug Café” รีบให้สติเราว่า ไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ  “Bear Hug” ที่ว่า คือ คาเฟ่อาหารเช้าที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านไม้หลังขนาดอบอุ่น ด้วยการตกแต่งที่น่ารักต่างหาก ถ้าจะมีการกอด ก็คืออ้อมกอดอันอบอุ่นจากพี่หมีตัวอวบอ้วนหน้าร้านต่างหาก ^.^ (แต่ก็ยังแอบมั่นใจว่าเจ้าของร้าน ก็ต้องชื่นชอบมวยปล้ำเหมือนเราแน่ๆ ) เพื่อนแจ้งพิกัดและกำชับให้รีบขับตามมา ร้านอยู่คูเมืองรอบนอกฝั่งแจ่งกะต๊ำ เมื่อขับรถวนคูเมืองด้านนอกมาจนถึงร้านหนังสือดวงกมลให้รีบชิดซ้ายเพราะเมื่อสุดวิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการเชียงใหม่ก็จะพบร้าน Bear Hug Café อยู่ด้านซ้ายมือเลยค่ะ (ย้ำว่า ต้องสังเกตให้ดี) ร้านนี้เปิด 9.00-18.00น. ปิดทุกวันพุธค่ะ หากหาร้านไม่เจอโทรถามทางที่ 053-206-555, 087-497-3510 และ 086-659-4284 More

วันนี้เรามีนัดกับ Memorize Buffet ร้านบุฟเฟ่ต์ บรรยากาศอบอุ่นคล้ายนั่งทานอาหารอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ตัวโทนสีม่วงขาวเห็นตั้งโดดเด่นอยู่ปากซอยนิมมานเหมินท์ 12 มานานหลายปี ^^” หน้าร้านกรุกระจกโปร่งแสงเชื้อเชิญให้ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาต้องแอบชำเลืองมองลูกค้าที่นั่งทานบุฟเฟ่ต์ในร้าน Memorize อย่างเอร็ดอร่อย สิ่งที่จูงใจอีกอย่าง คือป้ายระบุอาหารแนะนำอย่าง ขาหมูเยอรมัน พิซซ่าโฮมเมด พาสต้า สลัดและอาหารสไตล์ยุโรป พร้อมระบุราคาไม่ถูกไม่แพง 199 บาท

เชิญชวนให้คนอย่างเราแม้จะไม่นิยมกินอาหารบุฟเฟ่ต์มากนักยังอยากเข้าไปลองชิม ^.^ ที่ร้าน เมมโมไรซ์ บุฟเฟ่ต์ เปิด 2 ช่วงเวลา คือ มื้อกลางวัน เปิด 11.00 – 14.30น. ส่วนมื้อเย็น เปิด 17.00 – 22.00น. หากมาเป็นหมู่คณะต้องการสำรองที่นั่งก่อน แจ้งที่เบอร์ 053-400746,085-8652323 แล้วยังสามารถสมัครบัตรสมาชิกราคา 129 บาท อายุใช้งาน 1 ปีได้ทันทีด้วยค่ะเพื่อรับส่วนลดอาหารและเครื่องดื่ม 10% แต่ไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ตั้งเด่นอยู่กลางร้านนะคะ ^.^ More

สำหรับคนที่เคยผ่านกองบิน 41 ไปสนามบินเชียงใหม่ ในช่วง 1-2 ปีหลังนี้อาจจะเคยคุ้นตากับอาคารพาณิชย์ 5 คูหาใหม่เอี่ยม หน้าตลาดจันทร์กุมารกันบ้างแล้ว  ร้านแรกเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวคุณยายร้านสีเหลืองมะนาวเด่นสะดุดตามาแต่ไกล คูหาถัดมาถ้าจำไม่ผิดเป็นสถาบันสอนภาษา ส่วนคูหาถัดมาที่จะนำเมนูความอร่อยมาแนะนำ คือ “ร้านเมตตา” เมนูเด่นคือ ข้าวหน้าเป็ดเนื้อกรุบนอกแต่นุ่มในค่ะ

เป็ดย่างร้านเมตตาเป็นสูตรเยาวราช ที่สืบทอดจากรุ่นทวดสู่พ่อและพ่อสู่ลูก (ว่าแต่ลูกชาย หรือลูกสาวหนอ ^.^)  ร้านเมตตาอยู่ทางเข้ากองบินฝั่งตลาดต้นพยอมค่ะ อยู่กึ่งกลางระหว่างก๋วยเตี๋ยวคุณยายและร้านติ่มซำ เปิดให้ชิมความอร่อยเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เมนูเด็ดต้องลอง คือพวกข้าวหน้าเป็ดหนังหนึบเนื้อแน่น ข้าวหมูหนังกรอบแต่เนื้อนุ่ม และข้าวหมูแดงเนื้อด้านสีขาวขอบแดง น้ำราดออกหวานเค็มกำลังพอดี ส่วนข้าวหน้าไก่ยังไม่เคยได้ชิม ^.^ เมนูเส้นก็ไม่น้อยหน้าค่ะ บะหมี่เส้นเล็ก บางเหนียวแต่นุ่มเหมาะกับการทานคู่กับเป็ดย่างอย่างยิ่ง ทางร้านรับทำข้าวกล่องด้วยนะคะ แจ้งความจำนงได้ที่เบอร์ 08-6964477, 081-9514141 More