Princess Tearoom เวลาน้ำชาอันแสนหวาน
บ่อยครั้ง ที่พ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่เกิดขึ้นมา เพราะ “ความชอบ” ห้องน้ำชาห้องที่เรากำลังนั่งอยู่นี้ก็เช่นกัน Princess Tearoom ที่บอกเล่าเรื่องราวความชื่นชอบ หลงไหลในกลิ่นหอม และรสชาติของใบชา ผ่านร้านน้ำชาแสนหวาน ในบรรยากาศร้านสไตล์ตะวันตกละมุนละไมที่โดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์วิเทจควบรวมกับ Shabby chic โดยเพิ่มความสว่างให้ห้องดูกว้างด้วยการใช้โทนสีพาลเทล เน้นความอ่อนหวานของสีเขียว ขาว ชมพู ทำให้เรียบง่ายนุ่มนวลสบายตา โดยเพิ่มความสว่างให้ห้องด้วยการทาสีพาลเทลขาว เขียว กรุด้วยผ้าม่านลูกไม้ขาวลายอ่อนโยน ผสานกับเฟอร์นิเจอร์ที่ดูมีอายุ เป็นเครื่องเรือนสไตล์แอนทีคในยุค 80 ที่นำเอาความย้อนยุคกลับมาร่วมสมัยใหม่อีกครั้งหนึ่งโดยจะเล่นสีสันกับผนังด้วยการเพ้นต์ลายภาพน้ำชาน่ารักๆ รวมไปถึงของประดับตกแต่งเก๋ ๆ ทั่วร้าน อย่าง แจกันดอกไม้สวยๆ ตุ๊กตาหมีตัวอวบในมุมต่าง ๆ เพื่อเติมแต่งทุกมุมตามอารมณ์ผู้หญิงสวยหวาน ^^.
ความน่าสนใจของ Princess Tearoom ไม่ได้มีเพียงชากลิ่นหอมละมุนเท่านั้น ที่ร้านยังมีอาหารและเบเกอรี่โฮมเมด ซึ่งเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ที่คัดสรรมาปรุงอย่างตั้งใจซึ่งมีทั้งอาหารที่เน้นหนักเรื่องรสจัดจ้าน(โดยต้องแจ้งระดับความแซ่บก่อนสั่งกันทีเดียว) และเบเกอรี่รสละมุนกลมกล่อมสูตรพิเศษของทางร้าน ^^ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราว ของ Princess Tearoom ผ่านเวลาน้ำชาอันแสนหวาน โดยร้านเปิดทำการ 12 ชั่วโมงเต็มตั้ง 8:00โมงเช้า -8:00โมงเย็น หากต้องการสำรองที่นั่ง หรือสอบถามเส้นทางได้ที่ 053-215861. 34 ค่ะ ปิดทุกวันอังคาร
การเดินทางมาร้าน Princess Tearoom ขอแนะนำถนนเส้นคันคลอง โดยตั้งต้นที่แยกโรงแรมเชียงใหม่ภูคำ เลี้ยวเข้าสู่ถนนเส้นมุ่งหน้าไปยังอำเภอหางดง ขับไปเพียง 500 เมตร โดยมีหอพัก ภูสรวงเพลสอยู่หน้าซอย พร้อมป้ายถนนสุขเกษมก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก 100 เมตรก็จะพบตัวร้านน้ำชาสีขาวตัดกับพื้นที่สีเขียวแล้วค่ะ ^^.
ส่วนเติมเต็มที่ดีที่สุดของร้านน้ำชาสุดเก๋นี้ คงหนีไม่พ้นมุมสวนสวยสไตล์อังกฤษที่ร่มรื่นเข้ากับการตกแต่งสวยหวานภายในตัวร้าน ปลูกสลับด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ สลับกับทางเดินตัวหนอนแล้ววางเก้าอี้ขาว เป็นมุมพักผ่อนสีเขียวสบายตาที่ทำให้ผ่อนคลายยิ่งนัก ^.^
ใบชารสนุ่มหอมละมุนเหล่านี้ ^.^ ทางร้านได้คัดสรรชาเบลนด์สูตรพิเศษมาให้ลูกค้าลิ้มลองกว่า 22 ชนิด ทั้งแบบที่มีคาเฟอีน และแบบที่ไม่มีคาเฟอีน Blended Tea เป็นการผสมกันของชาดำ ชาแดง ชาเขียว ชาขาวซึ่งที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในแต่ละชนิดมาจับคู่กัน ปรุงแต่งจนได้กลิ่นหอมชวนดื่ม
ดูเมนูแล้วเลือกไม่ถูกว่าจะลองชิมเมนูไหนก่อนดี เพราะแต่ละเมนูดูมีราคาตามคุณภาพของผลผลิตที่เตรียมเสิร์ฟอยู่ค่ะ ^.^
Set แรกเริ่มต้นเรียกน้ำย่อยด้วย Princess High Tea ไม่แน่ใจว่าถูกต้องไหม? ในการเรียงลำดับการทาน แต่ได้ Set นี้มาก่อนค่ะ ลงมือเลยละกัน
เริ่มต้นชั้นล่างเป็นแซนวิชทูน่าทานเสิร์ฟคู่
ชั้นกลางเป็นน่องไก่แม็
ชั้นสุดท้ายชั้นบน คือ set ปกติที่สั่ง High Tea จะได้เป็นบลู
เสิร์ฟพร้อมชาร้อน 1 Pot (กา เหยือก คำกำจัดความที่ขวนหมดความหวาน) สามารถเลือกชาได้ 1 รสชาติซึ่งทางร้านได้แนะนำ ชาเบลนด์ ชื่อว่า Paradise มาจิบคู่กับเซ็ทนี้ค่ะ ชาเบลนด์ Paradise เป็นส่วนผสมระหว่าง ชาเขียว ชาขาวและชาดำ ให้กลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนๆ และเย็นสดชื่นจากส่วนผสมของชาดำจึงช่วยให้ผ่อนคลายดีค่ะ ^^ กรุ่นกลิ่นหอมนี้ เกิดจากความใส่ใจในทุกขั้นตอนของการชง โดยต้องใช้น้ำสะอาดคัดกรองอย่างพิถีพิถันนำมาต้มให้เดือดที่อุณหภูมิ 85 องศา แล้วแช่ชาเพียง 3 นาที เพื่อให้คุณประโยชน์ต่อสุขภาพลูกค้าให้มากที่สุด setนี้ ราคาชุดละ 550฿ ค่ะทาน 2 คนอาจจะอิ่มพอสมควร หากทาน 4 คนน่าจะกำลังดีเพราะจะได้เผื่อท้องไว้ชิมเมนูอื่นๆ อีกค่ะ
เครื่องดื่มหอมหวาน Berry Lemonad เบอรี่ที่มีกลิ่นหอมนุ่มอมเปรี้ยวอมหวาน เข้ากันได้ดีกับเลมอนสด (มะนาวฝรั่ง) รสชาติเปรี้ยวละมุน จึงได้เครื่องดื่มสดชื่นกลิ่นหอมหวานนุ่มนวล ลืมอากาศร้อนๆ ภายนอกไปเลยค่ะ ^^แถมท้ายด้วยสาระพัดเบอรี่สดแช่แข็งมาให้ทานคู่ เพื่อเพิ่มความหอมหวานยิ่งขึ้น
เสาวรสและมะม่วงปั่น เป็นการนำเอาเสาวรสหอมหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ มาปั่นรวมกับเนื้อมะม่วงสดรสหวานฉ่ำ ซึ่งรสชาติและกลิ่นเข้ากันได้เป็นอย่างดี ยิ่งมีมะม่วงสุกเนื้อแน่นรสหวานอร่อยไว้ทานคู่กัน ทำให้เสาวรส+มะม่วงปั่นเนื้อเนียนแก้วนี้มีรสชาติละมุนละไม นับความคุ้มเอาการกับราคาแก้วละ 120 บาท
Peach After Eight/ น้ำผลไม้แท้ 100% เป็นน้ำพีชผสมผสานกับน้ำลิ้นจี่ เติมความหวานด้วยน้ำเชื่อมรสดีอีกเล็กน้อย เพื่อรสสัมผัสหอมหวานชื่นใจ ทานคู่กับลิ้นจี่สดคำโตชื่นใจจริง ๆ เลยค่ะ
Ham Cheese and Toast แฮมชีสโปะหน้าอยู่บนขนมปังโท๊
สปาเก็ตตี้ขี้เมาซีฟู๊ด เส้นหมึกแบบตะวันตกมาเข้าคู่กับผัดขี้เมาแบบไทยๆ สามารถเข้ากันได้อย่างพอดิบพอดี จานนี้จึงต้องมีเกณฑ์วัดระดับความเผ็ดที่ลูกค้าสามารถทานได้ ซึ่งคออ่อนๆ (ใช้กับอาหารหรือเปล่าค่ะ?) อย่างเราควรต้องสั่งเป็นเผ็ดน้อย ก็ยังได้รสแซ่บค่อนข้างจะจัดจ้านอยู่ดี มีแบบเส้นดำและเส้
Lemon Cheese Tart เบเกอรี่ชิ้นนี้หอมกรุ่นจากเตา Princess Tearoom ซึ่งคาดเดารสชาติไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อปักซ้อมแล้วตัดขึ้นมาชิมได้ 1 คำสัมผัสได้ถึง กลิ่นหอมของเลมอนสด ตามติดด้วยรสเปรี้ยวหวานและความกลมกล่อมของชีส ถูกใจมากเลยค่ะ ^.^
ขอออกตัวก่อนว่า โดยส่วนตัวเฉย ๆ กับขนมหลากสีที่ชื่อว่า “มาการอง” แต่เมื่อได้ชิมขนมหลายสีที่ร้าน Princess คงต้องเปลี่ยนความคิดแล้วค่ะ มาการองแต่ละสีมีรสชาติที่แตกต่างกัน แล้วในความแตกต่างนั้น ก็มีรสชาติตามชนิดเด่นชัดขึ้นมาด้วย ที่สำคัญไม่หวานจัดจึงได้รสละมุนอย่างชัดเจน
แอบย้ายพุงมานั่งพักมุมนี้แป๊บเดียวค่ะ ^.^ เสน่ห์อีกอย่างของการแต่งร้านแนว Shabby chic คือความน่ารักของสาว ๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะเติมแต่งความหวานแหว๋วได้ดีอีกทีก็คือม่านขาวบางลายลูกไม้อ่อนโยน แว๊บมาแชะรูปพักพุงกันเพลินเชียวค่ะ ว่าแล้วไปต่อเมนูถัดไป
ไอศครีมโฮมเมดรสชาติแปลกใหม่ เพราะความเบื่อในรสชาติไอศครีมทั่วไปคุณเอ๋ (หุ้นส่วนร้าน) ที่นิยมของอร่อยจึงนำเอาไอศครีมโฮมเมดรสกลมกล่อมมาไว้ให้ลูกค้าได้ชิมเพิ่มเป็นอีก 1 ทางเลือกในเวลาน้ำชาแสนสบายของลูกค้าค่ะ วันนี้ชิมไป 2 รส จำชื่อไม่ได้แต่รสชาติหอมหวานเนียนนุ่มมากค่ะ ^^.
Princess Tearoom ยังมีอีกหลายเมนูที่น่าสนใจ แต่วันนี้ชิมต่อไม่ไหวแล้วค่ะเพราะใช้เวลาตั้งแต่บ่ายจรดเย็น เพลิดเพลินจนลืมดูนาฬิกากันเลย หากมีโอกาสคงต้องแวะมาชิมอีกแน่นอน เพราะนอกจากเมนูอาหาร เบเกอรี่ เครื่องดื่มและไอศครีมที่ล้วนแล้วแต่ปรุงแต่งขึ้นมาด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันแล้ว บรรยากาศและการบริการที่อบอุ่นของพนักงานที่อบอวลไปด้วยมิตรภาพ เป็นสิ่งดึงดูดใจได้ดีอีกทางนะคะ เรียกว่า สร้างความผูกพันทางใจ ^.^
แผนที่เผื่อด้านบนอธิบายไม่เข้าใจค่ะ ^^’ ร้านเปิด 8:00โมงเช้า -8:00โมงเย็น หากต้องการสำรองที่นั่ง หรือสอบถามเส้นทางได้ที่ 053-215861. 34 ปิดทุกวันอังคารค่ะ